Singapore : Holiday Inn Express

Advertisement

นี่ๆแกๆ ฉันอยากจะไปเที่ยวเมืองนอก แต่ฉันไม่เคยไปเลย ควรเริ่มจากประเทศไหนดีอ่ะ……แกบอกฉันหน่อย

สำหรับลุงแล้วคงไม่มีประเทศไหนจะเหมาะสมกับการเริ่มต้นชีวิตนักเดินทางเท่าประเทศนี้้อีกแล้วล่ะฮะ เมืองที่สีสันไม่เคยหลับไหล …Singapore

ทำมั้ยที่ควรเริ่มต้นที่ประเทศนี้ ถ้าคนที่เพิ่งเคยออกนอกประเทศครั้งแรก เชื่อเลยว่าจะมีความกลัวอยู่ในใจไม่มากก็น้อย ยิ่งภาษาไม่แข็งแรง  ยิ่งกลัวแน่ๆ เพราะฉะนั้นเราควรเริ่มต้นจากประเทศที่ เดินทางง่าย เที่ยวง่าย ถ้ามีสีสันที่แตกต่างจากบ้านเราสักหน่อย น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เอาล่ะฮะ เรามาดูข้อดีของการเที่ยว Singapore กันดีกว่า

1 ประเทศนี้เป็นประเทศเล็กมากกกกก การเดินทางด้วยการขนส่งสาธารณะก็สะดวก ไปไหนก็สะดวกไปหมด แถมค่าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า หรือรถเมล์ก็ถูกมากก สนามบินเข้าเมือง 2.5 เหรียญ ( 50 บาท )

2 ที่เที่ยวมีมากมาย ทั้งแบบเที่ยวฟรี ทั้งแบบเสียเงิน เรียกว่าเยอะขนาด 3-4 วันเที่ยวหมดเลยก็ว่าได้

3 เป็นเมืองที่ค่อนข้างสะอาดและปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว

ส่วนข้อเสียหลักของประเทศนี้ คือค่าครองชีพค่อนข้างแพง ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่ากิน ค่าน้ำ (ที่แพงเพราะเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางเรื่องเศรษฐกิจของประเทศแถบๆนี้)  แต่ถ้าเตรียมตัวดีๆ ก็รับมือได้อย่างหมดห่วงฮะ

การเดินทางไปสิงคโปร์

บอกเลยว่า สารพัดสายการบิน ทั้งเหลือง ทั้งแดง ทั้งสิงโต ทั้งเสือ ฯ ผลัดกันกระชากราคาให้เราสอย  ใจเย็นๆกันสักนิด เราน่าจะได้โปรไปกลับ สิงคโปร์ กทม ประมาณ 2000 – 2500 บาท เท่านั้น

การเดินทางภายในสิงคโปร์

อย่างที่บอกไป ส่วนใหญ่ใช้รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ซึ่งราคาถูกมากกก ส่วนใหญ่คนจะใช้บัตร EZ Link กัน เพราะสะดวกและง่าย

บัตร EZ Link บัตรสารพัดประโยชน์สามารถใช้ขึ้นรถไฟฟ้า MRT, รถเมล์, Taxi และใช้ซื้อสินค้าต่างๆได้ คล้ายเป็นบัตรRabbitของบ้านเราแต่ครอบคลุมกว่า สามารถหาซื้อได้ที่ MRT ทุกสถานีที่ Passenger Service ราคาจะอยู่ที่ S$12 แบ่งเป็นค่าบัตร S$5 และเงินที่ใช้ได้อีก S$7 แต่ถ้าเราซื้อที่ 7-11 นั้นราคาเพียง S$10 แบ่งเป็นค่าบัตร S$5 และเงินที่ใช้ได้อีก S$5 ซึ่งการเติมแต่ละทีต้องเติมเงินอย่างน้อย S$10 และเติมได้มากที่สุดถึง S$100

ป.ล. บางช่วงก็จะมีลดราคา หรือลายลายพิเศษเพิ่มเข้ามาด้วยต้องตรวจลองดูกันดูเนอะ

เรื่องค่าเงิน

ค่าเงินของสิงคโปร์จะตกอยู่ที่ 1 ดอลล่าสิงคโปร์เท่ากับประมาณ 25 บาท (ขึ้นลงตามอารมณ์บ้าง แต่วนๆแถวนี้แหละ) ค่าน้ำดื่มที่โน่นจะตกประมาณ 2-3 ดอลล่าสิงคโปร์ อาหารบ้านๆทั่วๆไปจะตกที่ประมาณ 8-10 ดอลล่าสิงคโปร์ ถ้าเป็นอาหารและเครื่องดื่มในห้าง หรือ ภัตตาคารก็จะแพงขึ้นไปตามลำดับนะฮ้าาาา (อยากประหยัด พกมาม่าไปโลด)

เรื่องที่เที่ยว

อย่างที่บอกไปมีทั้งที่เที่ยวฟรีและเสียเงิน เอาเรื่องเที่ยวฟรีก่อนเนอะ สำหรับเรื่องเที่ยวฟรีหลักๆที่ไม่ควรพลาดคือ  Marina Bay วิธีการเที่ยว Marina Bay ที่ดีที่สุดคือ การเดินเท่านั้นฮะ อาจฟังดูไม่ได้มีอะไร แต่บอกเลยว่าขาหลุดมากกกกกกกกกกก เพราะมีหลายจุดให้เที่ยวบริเวณนี้ วิธีการเดินทางคือ นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี มาริน่าเบย์แล้วก็เดินจ๊ะ คาดว่า การจะเที่ยวให่หมดในบริเวรนี้น่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเป็นขั้นต่ำ

จุดแรกคงต้องเป็นเจ้าสิงโตทะเลพ่นน้ำนี่เนอะ ใครๆไปก็ต้องไปกันเนอะ

สะพานเกลียว ฮีลิกซ์ (Helix Bridge) เอาจริงๆไม่มีลูกเล่นอะไรหรอกฮะ สะพานนี้ แต่มีมุมถ่ายรูปสวยๆอยู่ฮะ เวลาที่ควรมาเดินคือช่วงพระอาทิตย์ตกดิน

Marina Bay Sand  ตึก 3 แท่งทางขวาในภาพ ห้าง + คาสิโน + โรงแรม ผสมปนเปกันไป ใหญ่เวอร์วังมากกกกก เดินหลงกันง่ายๆ   ที่นี่จะมีการแสดงแสงสีเสียงให้ชมฟรี ด้านหน้ามาริน่าเบย์ กันด้วยฮะ วันอาทิตย์-พฤหัสบดี เวลา 20.00 และ 21.30, วันศุกร์-เสาร์ เวลา 20.00, 21.30 และ 23.00

จากแถวๆบริเวณหน้าห้าง เมื่อมองเข้าไปที่ มาริน่าเบย์ เราจะได้ภาพนี้จากบริเวณนี้กันด้วยฮะ

Gardens By The Bay วิธีการเดินทางไปที่นี่ที่ดีที่สุด เดินทะลุ ห้าง Marina Bay Sand ไปฮะ โดยจะทะลุชั้นดาดฟ้าของห้าง ทะลุผ่านโรงแรม และเข้าสู่  Gardens By The Bay เป็นทางที่รวดเร็วและสะดวกสุด จริงๆช่วงเวลาที่ควรมาคือช่วงค่ำๆไม่ร้อนฮะ แถมมีการแสดงแสงสีให้ชมกันด้วย เวลาที่แสดงคือคือ 19.45 น. และ 20.45 น. ครั้งละ 15 นาที  ของทุกวัน

ภายใน Gardens By The Bay เรียกว่าค่อนข้างใหญ่โตมากทีเดียว มีหลายจุดท่องเที่ยวทีเดียว มีทั้งเสียเงินและเข้าฟรีด้วยฮะ  หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ฮะ www.gardensbythebay.com.sg/en.html

ต่อจาก Gardens By The Bay เราสามารถเดินทะลุออกมา Marina Barrage และ Gardens By The Bay East ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากๆของบริเวณอ่าวมาริน่า ได้อีก  เรียกว่าเดินกันทีขาพัง ขาเดี้ยงเลยก็ว่าได้ฮะ วนๆไปในบริเวณนี้นี่รวมๆแล้วก็หลายกิโลอยู่นะ 555555 (คิดว่ามาเดินลดความอ้วนล่ะกันนะ)

Clarke Quay ย่านแสงสีริมน้ำ ดูชิคๆ คูลๆ เกร๋ เหมาะกับการเดินเล่น สังสรร นัดกินข้าวเย็น กับบรรยากาศริมน้ำ เอาจริงๆ ส่วนใหญ่ย่านนี้จะเป็นร้านอาหาร และบาร์ ชิคๆ ครับ ถ้าจะให้เทียบในไทยก็คงจะให้ฟีล เอเชียทีค + ทองหล่อล่ะมั้ง ร้านอาหารที่นี่บอกเลยว่าเยอะมากกกก มีเป็น 100 ร้านน่าจะได้ ใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือโปรดมชั่นลดราคาอาหาร หาจากเวปตรงของที่นี่เลยฮะ Clarke Quay

การเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ยากเลย รถไฟฟ้าเลยฮะ ลงสถานี Clarke Quay 

ช่วงที่ผมไปสิงคโปร์ มีโอกาสได้แวะ(โดนเพื่อนลากไป) ทานอาหารที่นี่ครับ VLV Clarke Quay  เป็นร้านอาหารกึ่งผับกึ่งบาร์ เห็นครั้งแรก แม่งแพงๆแน่ๆ ไม่มีเงินจ่ายหรอก แต่เอาเข้าจริงๆ ราคาก็อยู่ในระดับที่รับได้นะ ช่วงเที่ยงและเย็นๆค่ำๆจะเป็นร้านอาหาร พอหลัง 4 ทุ่มไป จะเปลี่ยนเป็นแนวตื้ดๆ ฮะ ร้านมีทั้งโซนริมน้ำ และ บรรยากาศในห้องแอร์ แล้วแต่คนชอบแต่ผมชอบในห้องแอร์มากกว่า

อาหารของ VLV Clarke Quay  คืออาหารจีนครับ แต่เป็นจีนโมเดิร์น  ชามนี้ซุปกระเพราะปลาตุ๋น ใส่ทรัฟเฟิล บอกเลยว่าอร่อยมากกกก ราคาจำไม่ได้ รู้แต่ว่าอยากกินอีก แพร่บๆๆ

เมนูนี้ ไก่ขอทาน ต้องสั่งล่วงหน้าหน่อยฮะ (จริงก็ล่วงหน้า 1 วันนั้นแหละ เพราะมันทำนานมากกกก ) ราคา 58 เหรียญ พอชั่น สำหรับทาน 3-4  คน เสริฟพร้อมข้าวที่ปลูกบนก้อนหิน (ตอนแรกคิดเลยนะว่ามันต่างกันไงว่ะกับข้าวธรมดา) จากที่ลองมาตัวข้าวที่ปลูกบนก้อนหิน จะเป็นข้าวพันธุ์พิเศษ สัมผัสจะคล้ายเม็ดเยลลี่ ดึ่งๆ หนึบๆ เม็ดเป่งๆ ( กินเข้าไปคำแรกนึกว่าข้าวปลอม )

เวลากินก็ต้องตักมาผสมกัน เอาข้าวเทใส่ ชามไก่ที่ตักมา แล้ว คลุก ให้เข้ากัน อร่อยมากกกก ทั้งไก่ทั้งข้าว

สวนขนมหวานที่ลองมา ชอบวัฟเฟิลกับไอติมงาดำ และ โอวนี่ (ภาพที่ 3)  อย่างอื่นเฉยๆ

หลายๆคนอาจจะบอกว่าแพง เอาจริงๆก็แพงแหละแต่ก็ไม่ได้แพงจนรับไม่ไหว จากที่รูปจะเห็นว่ามีโปร เซ็ตลันช์สำหรับ 4 คน 98++ ตกประมาณ 2600 บาท/ 4 คน ผมว่าโอเคนะ สำหรับร้านที่บรรยากาศหรูขนาดนี้ ส่วนเรื่องรสชาติผมว่าอร่อยมากเลยล่ะ จากที่ลองมา(สองเมนู) สมกับเป็นเจ้าใหญ่ของย่านนี้เขาแหละ

ป.ล. อาหารบ้านเมืองนี้เขาแพงโหดอยู่แล้ว ธรรมดาดริ้งพวกคอกเทลของเมืองนี้จะตกกันที่ 20 ดอลล่าสิงคโปร์

ถัดจาก Clarke Quay มา 1 สถานี จะเป็นย่าน China Town โดยรวมคล้ายๆสำเพ็งเยาราชบ้านเราแหละฮะ แต่สะอาดกว่ามากๆๆ ใครมาแถวนี้ ก็ไม่ควรที่จะพลาด ข้าวมันไก่เทียนๆ ที่ศูนย์อาหหาร maxwell ตรงข้ามวัดพระเขี้ยวแก้ว (วัดที่ประดิษฐาน พระเขียวแก้วของพระพุทธเจ้าไว้  ตัววัดสวยอลังการอยู่นะ เที่ยวฟรีด้วย แนะนำให้มา)  ราคาประมาณ 6 – 7  เหรียญ อร่อยแซ่บลืมข้าวมันไก่บ้านเราไปเลยครับ

ใกล้ๆกับศูนย์อาหหาร maxwell จะมีซอยชื่อ  Amoy street อยู่ฮะ  ถือเป็นย่านที่มีร้านของกินเกร๋ๆมากมาย ลุงมีโอกาสได้ชิมอาหาร ฮาวาย Poke Bowl ที่ร้านชื่อ Aloha Poke (ร้านจะอยู่กลางซอย ขวามือ) บอกเลยว่า ถ้าใครชอบปลาดิบ ชอบอาหารญี่ปุ่นบอกเลยว่าไม่ควรพลาด

Poke Bowl คืออะไร

เอาจริงๆ มันจะคล้ายๆสลัดปลาดิบ (ปลาโทโร่ หรือ ปลาแซลม่อน) หรือข้าวหน้าชิราชินั้นแหละ แต่เปลี่ยนสัดส่วนพอชั่นไป ส่วนผสมหลัก คือ ผักสลัด (อันนี้ปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบ) ข้าวสวย ปลาดิบ ถั่วแระญี่ปุ่น ลูกเกต สับปะรด ถั่ววอลนัท น้ำสลัดญี่ปุ่น วาซาบิ แล้วนำทุกอย่างมาคลุกผสมกันฮะ ดูเหมือนสลัดจับฉ่ายไร้สาระมากกก แต่บอกเลยว่าเสือกอร่อย อยากกินอีก เป็นอีกเมนูสำหรับคนรักสุขภาพ ที่ยังไม่บูมในไทยฮะ ที่เมืองนอกเขาฮิตกันแล้วล่ะ (ราคาที่ทานมาคือ 22-25 เหรียญสิงคโปร์นี่แหละ ชามใหญ่ กินอิ่มเลยฮะ)

พูดถึงย่าน Clarke Quay  China Town คงไม่พูดถึงโรงแรมที่ลุงพักในทริปนี้ไม่ได้ Holiday Inn Express Singapore Clarke Quay ตัวโรงแรมจะอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ย่านนี้ แต่เยื้องไปทาง Clarke Quay มากกว่า เพราะฉะนั้นถ้าจะเดินทางมาพักที่นี่ สามารถลงรถไฟฟ้าได้ 2 สถานีแล้วเดินต่อมาได้ฮะ

Holiday Inn Express คืออะไร  มันคือโรงแรมน้องของ Holiday Inn ครับ แบรนด์นี้ เน้นความเรียบง่าย บริการตัวเอง ทำเลดี และ ขนาดห้องที่มินิมอล   ในสิงคโปร์มีอยู่ด้วยกัน 3  แห่ง แต่สาขาที่ลุงพักคือ Clarke Quay ข้อดีของสาขานี้ที่ต่างจากสาขาอื่นคือ มีสระว่ายน้ำ และ การตกแต่งห้องสวยกว่าฮะ สาขานี้ได้รางวัลการออกแบบเรื่องรักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานนะ (คือ…ไม่ได้อยากรู้อ่ะลุง หนูอยากรู้ว่า ห้องเป็นไง อาหารเช้าดีมั้ย) โอเคๆๆ เราไปดูห้องพักกันดีกว่า

ป.ล. ส่วนราคาก็ขึ้นกับช่วง ไม่แน่ ไม่นอน ต้องค่อยๆดูไป บางช่วงก็ถูกมาก 3XXX บาท ก็มีล่ะ

สนใจข้อมูลเพิ่มเติ่มเชิญที่นี่ได้ฮะ   www.holidayinnexpress.com/clarkequay

ห้องที่ลุงพักอยู่ชั้น 5-6 ฝั่งหน้าโรงแรมฮะ จะได้วิวนี้ ใครอยากได้วิวนี้ก็รีเควสเอาเองล่ะกัน เพราะอีฝั่งหลังโรงแรมไม่ได้วิวเลย ขนาดห้องไม่ใหญ่นะ แต่เตียงใหญ่ ห้องเลยเล็กลงไปถนัดตา เทียบด้วยตาแล้วห้องกว้างประมาณไอบิสมั้ง แต่อุปกรณ์ครบกว่า และดูแพงกว่า

ห้องน้ำมีสายชำระ ห้องอาบน้ำมีเรนชาวเวอร์ (สาขาอื่นไม่มีเรนชาวเวอร์) มีแปรงสีฟันให้ด้วยฮะ

หมอนมีแบบแข็งแล้วก็นุ่ม ไม่ต้องร้องขอ จัดเอาไว้ให้ล่ะ

ของใช้ฟรี อีโทรศัพท์ถอดไปใช้ได้ข้างนอกได้นะฮะ มีเน็ตใช้ฟรีตลอด เหมือนโทรในประเทศฟรีด้วย

เราไปดูจุดขายหลักของสาขานี้ดีกว่า ชั้นดาดฟ้าจะเป็นจุดศูนย์รวมกิจกรรม สรุปง่ายๆ  วิวก็ดี สระก็ดี แถมด้วยฟิตเนส (ที่ไม่มีแอร์)

ส่วนอาหารเช้าจะรอเพื่อนๆอยู่ที่ลอบบี้ฮะ 6 โมงเช้าถึง 10โมงเช้า คือเวลาทำการ พื้นที่ใหญ่โตให้นั่งทานอาหารเช้าได้สบายๆ

ถามว่าอาหารเช้า ดีมั้ย โดยส่วนตัว ลุงว่ามันโอเคนะ แต่หนักแป้งไปหน่อย ขาดผัก ขาดหญ้าไปนิดนะ ยังดีที่มีผลไม้มาทดแทน ก็ยังพอได้

อันนี้ห้องซักผ้า อบผ้า กับตู้กดน้ำแข็งฟรีอยู่ที่ชั้น 4 มั้ง ไม่ได้มาใข้บริการ เดินมาสำรวจแค่ครั้งเดียวเอง

มีห้องประชุมให้ยืมใช้งานด้วย แต่ลุงมาเที่ยว คงไม่มายืมหรอก 55555

สาขาที่แพงที่สุดของ Holiday Inn Express ในสิงคโปร์คือสาขานี้ฮะ Orchard  ( Orchard  มีอะไรทำมั้ยถึงแพง ) สรุปง่ายๆเลย Orchard คือ สยามบ้านเราฮะ ที่ดินแถวสยามบ้านเราแพงมั้ย บอกเลยที่ Orchard แพงกว่าเราอีกฮะ ในเมื่อ Orchard คือสยาม ก็ตามนั้น เข้าใจกันเนอะ มันคือย่านชอปปิ้ง สารพัดห้างนั้นเอง ในช่วง เดือน 6 – 8 ของทุกที จะเป็นช่วงสิงคโปร์แกรนด์เซล ถือเป็นช่วงที่ Orchard มีสีสันไม่แพ้ช่วงไหนๆเลย

วิธีการเดินทาง นั่งรถไฟฟ้า เช่นเดิม ลงสถานี Summer Set เดินอีก 5 นาทีถึง

Holiday Inn Express Singapore Orchard Road เรียกว่าก็คล้ายๆกับที่สาขา Clarke Quay นั้นแหละ ตัดสระว่ายน้ำทิ้ง ห้องมีขนาดใหญ่กว่าหน่อย และ การตกแต่งห้องที่ต่างกัน 

สนใจข้อมูลเพิ่มเติ่มเชิญที่นี่ได้ฮะ www.holidayinnexpress.com/orchard-road

สาขาที่ถูกที่สุดของ Holiday Inn Express ในสิงคโปร์คือสาขานี้ฮะ katong

katong คืออะไร katong คือย่านอนุรักษ์ฮะ ถ้าจะให้เทียบกับเมืองไทย  มันคือเขตเมืองเก่าของภูเก็ตบ้านเรานั้นแหละฮะ แค่ของเขาสวยกว่า สะอาดกว่าก็แค่นั้น katong เป็นย่านที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ยังคงอนุรักษ์ความเป็นพารานากันไว้อยู่ โดยย่านนี้แถบจะไม่มีตึกสูงเลย เป็นย่านที่เหมาะกับการเดินเล่น (แบบว้างว่าง ไม่มีอะไรทำไปเดินซึบซับบรรยากาศเก่าๆหาของกินพื้นบ้านกันดีกว่า)

ป.ล. ช่วงที่ไปไม่ได้กินอะไรโลคอลแถวนั้นเลย เดินก็มึนๆ เพราะไมเกรนขึ้น เดินวนไปวนมาสักพักก็ไม่ไหวต้องยอมแพ้ ขออภัยด้ววยที่ไม่มีข้อมูลร้านอร่อยๆมาให้

วิธีการเดินทาง katong  ให้ขึ้น รถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Paya Labar ครับ  แล้วเดินต่ออีกสักนิด (จริงๆไม่เรียกว่านิดก็ว่าได้นะ  5555)

Holiday Inn Express Singapore Katong ทำเลดีมากอยู่ติดห้าง 112 katong เลยฮะ  ส่วนการตกแต่งหน้าตาห้องพักค่อนคล้ายมาทางสาขา  Orchard แต่ฟีลการตกแต่งให้ฟีล พารานากัน และโมเดิร์น กว่าเท่านั้น

สนใจข้อมูลเพิ่มเติ่มเชิญที่นี่ได้ฮะ www.holidayinnexpress.com/katong

จุดที่จะแนะนำต่อไปคือจุดนี้ฮะ Sentosa Island เกาะที่ถือว่าเป็น เกาะแห่งการพักผ่อนของคนสิงคโปร์ เป็นที่ตั้งของสวนสนุก universal studio singapore เรียกว่าสามารถมาใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะนี้ได้ทั้งวันเลย

วิธีการเดินทาง ลง MRT ที่สถานี HarbourFront (Exit E) แล้วทะลุตัวห้าง VivoCity  ไปด้านหลังจะมีทางเข้าสูเกาะ Sentosa Island  ซึ่งก็มีหลายวิธีทั้งรถไฟฟ้า, Cable car, หรือจะเดินข้ามไปที่เกาะเองก็ได้ อันนี้แล้วแต่เลือกเลยฮะ

แต่น่าเสียดาย ลุงมีเวลาน้อยไปหน่อย เพราะต้อง แบ่งเวลาเที่ยวกับเวลาทำงานด้วย จึงทำให้ไม่ได้มาอัพเดทที่นี่  เอาเป็นว่าลุงขอติดไว้ก่อนเนอะ ไว้คราวหน้าโปรสายการบินดีๆมา จะขอกลับไปแก้มือที่เกาะเซนโตซ่าให้ได้ จริงๆเคยไปตอน  universal studio singapore เปิดใหม่ๆเลย ไม่ได้ไปมานานล่ะ

Leave a Reply